วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บันทึกของตากล้อง #3 : ตากล้อง...ใจร้าย

วันก่อนผมออกไปข้างนอก พอกลับเข้ามาก็เห็นรอยเท้าแมวปริศนาเหลืองอร่าม
เดินวนไปวนมา แม้กระทั่งผ้านวมขาวสะอาดบนเตียงก็ยังมีรอย
พอเอามือแตะๆดู เฮ่ย..นี้มันขี้นี่หว่า !?

ตอนเด็กๆพี่เส้ามีปัญหาในการทรงตัว เท้าหลังชอบไปเหยียบย่ำอุนจิตัวเอง
ในขณะที่อยู่ในกระบะทราย (ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ อรี๊ยยยๆๆๆๆๆๆๆๆ)

เพราะฉะนั้นผมจึงต้องรีบอุ้มพี่เค้าออกมาทุกครั้งหลังจากที่อึเสร็จ
แล้วผมก็ต้องรีบตักใส่ถุงพลาสติกทิ้งขยะในทันใด
ถ้าปล่อยไว้อาจจะได้ผ้าปูที่นอนลายใหม่อีกแน่แท้

เอาเป็นว่าถ้าผมได้ยินเสียงขุดทรายแมวดัง แควก แควก เมื่อไหร่
รู้แล้วล่ะว่าผมต้องวิ่งไปเฝ้าติดขอบชิด
ประดุจได้ที่นั่งริงไซด์ใกล้ขอบทรายแมวกันเลยทีเดียว

นี้นอกจากตอนกลางคืนผมจะต้องคอยระวังตัวเองไม่ให้นอนทับเส้าหลินขี้แตกบนเตียงแล้ว
ต้องมาคอยระวังไม่ให้ขาหลังของกอลั่มไปเหยียบขี้ตัวเองอีกรึเนี่ยย
โอ้ว..อาตแมว ช่วยลูกด้วย







 

ใช่สิ! เรายังมีรูมเมทอีกคนนึงนี้หน่าาา เค้าจะต้องช่วยเราแบ่งเบาภาระต่างๆได้แน่
ภาพลักษณ์ของหญิงสาวคนนึง ที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงอาการประหนึ่งว่าใจจะขาดรอนๆ
หากไม่ได้ลูกแมวมาไว้ครอบครองที่ข้างกาย ชีวิตนี้คงต้องสิ้นชีวาเป็นแน่แท้

โอ้ว เสียงเพลงฮาเลลูย่าดังกึกก้องในทันใด ประตูหน้าต่างทุกบานเปิดขึ้นพรึ่บพรั่บ
แสงแดดแห่งสวรรค์สีขาวสาดส่องเค้ามาทุกรอบด้าน
ฮาาาาเลลูย่า ฮาาเลลูย่า ฮาเลลูย่า ชวิ้งงงงงงง...

ผมหันไปหารูมเมทผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุให้มีแมวมาอยู่ในห้องนี้ด้วยความเร็วสูง
คอที่หมุนไปเกือบจะเคล็ดเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำสายตาเว้าวอนใส่
ภาพที่เห็นคือ...

ผู้หญิงคนนึงนั่งไขว้ห้าง จกขนม ดูทีวีไปพลาง พร้อมกับกระดิกเท้า งึกๆๆ

....ฮึ....

อารมณ์ตอนนั้นยอมรับว่าสิ้นหวังเล็กๆ
ด้วยความเหนื่อยและต้องมาทำอะไรแบบนี้ทุกๆวันซ้ำๆ

ผมจึงเผลอหลุดปากพูดออกไปว่า...



"เค้าว่าเราไม่เหมาะที่จะเลี้ยงแมวหว่ะ"




บรรยากาศในห้องตอนนั้นช่างอึมครึม
เสียงเพลงฮาเลลูย่าเงียบหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
รูมเมทหันมามองหน้าผม แล้วพูดขึ้นมาประโยคนึงว่า...

"มีญาติของเพื่อนคนนึง เค้ารักแมวมาก มีบ้านหลังใหญ่ น่าจะโอเคสำหรับเส้าหลินนะ"

พอพูดเสร็จแล้วก็ยกโทรศัพท์โทรหาเพื่อนของเค้าทันที
ถามไปถามมา ทางนั้นเค้าก็โอเค พร้อมที่จะรับเลี้ยงเส้าหลินต่อให้
พรุ่งนี้เช้าเพื่อนจะอาสามารับเส้าหลินพาไปส่งบ้านใหม่ให้เอง



....
..
.



แควก แควก.. เสียงเส้าหลินลงกระบะทรายเตรียมจะขี้อีกแล้วสินะ..
ผมเดินไปหาเส้าหลินพร้อมกับนึกในใจ นี้คงเป็นการเก็บอึครั้งสุดท้ายแล้วใช่ไหม

ต่อไปนี้เส้าหลินก็จะมีที่วิ่งเล่นกว้างขวางขึ้น ได้กินอาหารดีๆ
พอกันทีเดือนกว่าๆที่มาอุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบๆนี้
ส่วนผมก็คงมีเวลาทำอะไรได้มากกว่านี้ ได้ออกไปเที่ยวนานๆ
มีเวลาอยู่กับเพื่อนฝูงมากขึ้น อืม...

เย็นวันนั้นผมเก็บชามข้าวสีเหลืองของเส้าหลินใส่ถุงพลาสติก
เตรียมตะกร้ามีผ้านุ่มๆผืนเล็กๆที่เส้าหลินชอบนอนใส่เอาไว้ให้
อาหารเม็ดยี่ห้อโปรดมัดปากถุงเตรียมส่งมอบให้เจ้าของใหม่...







 

คืนนั้นผมอนุญาติให้เส้าหลินขึ้นมาบนเตียงได้
ผมอุ้มเส้าหลินตัวกระเปี๊ยกมาไว้ที่บนหน้าอก
เสียงหายใจดัง ครื๊ดๆๆๆทุกวันนี้ผมยังจำเสียงนั้นได้ดี
ผมลูบหัวเส้าหลิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลูบ ลูบ คิดซ้ำไปซ้ำมา

จินตนาการนึกภาพว่าเส้าหลินไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่จะสบายจริงๆรึป่าวนะ
แมวตัวอื่นจะมารังแกรึป่าว หมาจะกัดไหม?
เจ้าของใหม่จะมาเก็บอึให้เส้าหลินเหมือนอย่างที่เราคอยเก็บรึป่าว

อยู่ๆน้ำตาของผมก็ไหล......

.
.
.

"ไม่ให้แล้ว..."

เสียงผมสั่นเครือจุกอยู่ในลำคอ
รูมเมทหันมามองด้วยความสงสัย

.
.
.

"ไม่ให้แล้ว ไม่ให้เส้าหลินไปไหนแล้ว!"

.
.
.

คืนนั้นเราสามชีวิต นอนกอดกันในห้องเล็กๆ
มันช่างมีความสุขกว่าทุกคืนที่ผ่านมาเสียเหลือเกิน

...
..
.

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ผมตระหนักว่าช่วงเวลาเริ่มต้นแบบนั้น
มันช่างเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก
มันทั้งทดสอบความอดทน ความรับผิดชอบต่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆชีวิตนึง

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผ่านตรงนั้นมาได้แล้ว
ต่อให้เส้าหลินจะดื้อ จะซน หรือจะเหยียบขี้อีกสักเป็นร้อยครั้ง
ผมก็ไม่เบื่อและเหนื่อยอีกต่อไปแล้วล่ะ

และถ้าถามว่าทำไม ?

ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน...


แควก แควก...

ขอตัวไปเก็บอึก่อนนะครับ...



จบ Season แรก