วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บันทึกของตากล้อง #3 : ตากล้อง...ใจร้าย

วันก่อนผมออกไปข้างนอก พอกลับเข้ามาก็เห็นรอยเท้าแมวปริศนาเหลืองอร่าม
เดินวนไปวนมา แม้กระทั่งผ้านวมขาวสะอาดบนเตียงก็ยังมีรอย
พอเอามือแตะๆดู เฮ่ย..นี้มันขี้นี่หว่า !?

ตอนเด็กๆพี่เส้ามีปัญหาในการทรงตัว เท้าหลังชอบไปเหยียบย่ำอุนจิตัวเอง
ในขณะที่อยู่ในกระบะทราย (ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ อรี๊ยยยๆๆๆๆๆๆๆๆ)

เพราะฉะนั้นผมจึงต้องรีบอุ้มพี่เค้าออกมาทุกครั้งหลังจากที่อึเสร็จ
แล้วผมก็ต้องรีบตักใส่ถุงพลาสติกทิ้งขยะในทันใด
ถ้าปล่อยไว้อาจจะได้ผ้าปูที่นอนลายใหม่อีกแน่แท้

เอาเป็นว่าถ้าผมได้ยินเสียงขุดทรายแมวดัง แควก แควก เมื่อไหร่
รู้แล้วล่ะว่าผมต้องวิ่งไปเฝ้าติดขอบชิด
ประดุจได้ที่นั่งริงไซด์ใกล้ขอบทรายแมวกันเลยทีเดียว

นี้นอกจากตอนกลางคืนผมจะต้องคอยระวังตัวเองไม่ให้นอนทับเส้าหลินขี้แตกบนเตียงแล้ว
ต้องมาคอยระวังไม่ให้ขาหลังของกอลั่มไปเหยียบขี้ตัวเองอีกรึเนี่ยย
โอ้ว..อาตแมว ช่วยลูกด้วย







 

ใช่สิ! เรายังมีรูมเมทอีกคนนึงนี้หน่าาา เค้าจะต้องช่วยเราแบ่งเบาภาระต่างๆได้แน่
ภาพลักษณ์ของหญิงสาวคนนึง ที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงอาการประหนึ่งว่าใจจะขาดรอนๆ
หากไม่ได้ลูกแมวมาไว้ครอบครองที่ข้างกาย ชีวิตนี้คงต้องสิ้นชีวาเป็นแน่แท้

โอ้ว เสียงเพลงฮาเลลูย่าดังกึกก้องในทันใด ประตูหน้าต่างทุกบานเปิดขึ้นพรึ่บพรั่บ
แสงแดดแห่งสวรรค์สีขาวสาดส่องเค้ามาทุกรอบด้าน
ฮาาาาเลลูย่า ฮาาเลลูย่า ฮาเลลูย่า ชวิ้งงงงงงง...

ผมหันไปหารูมเมทผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุให้มีแมวมาอยู่ในห้องนี้ด้วยความเร็วสูง
คอที่หมุนไปเกือบจะเคล็ดเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำสายตาเว้าวอนใส่
ภาพที่เห็นคือ...

ผู้หญิงคนนึงนั่งไขว้ห้าง จกขนม ดูทีวีไปพลาง พร้อมกับกระดิกเท้า งึกๆๆ

....ฮึ....

อารมณ์ตอนนั้นยอมรับว่าสิ้นหวังเล็กๆ
ด้วยความเหนื่อยและต้องมาทำอะไรแบบนี้ทุกๆวันซ้ำๆ

ผมจึงเผลอหลุดปากพูดออกไปว่า...



"เค้าว่าเราไม่เหมาะที่จะเลี้ยงแมวหว่ะ"




บรรยากาศในห้องตอนนั้นช่างอึมครึม
เสียงเพลงฮาเลลูย่าเงียบหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
รูมเมทหันมามองหน้าผม แล้วพูดขึ้นมาประโยคนึงว่า...

"มีญาติของเพื่อนคนนึง เค้ารักแมวมาก มีบ้านหลังใหญ่ น่าจะโอเคสำหรับเส้าหลินนะ"

พอพูดเสร็จแล้วก็ยกโทรศัพท์โทรหาเพื่อนของเค้าทันที
ถามไปถามมา ทางนั้นเค้าก็โอเค พร้อมที่จะรับเลี้ยงเส้าหลินต่อให้
พรุ่งนี้เช้าเพื่อนจะอาสามารับเส้าหลินพาไปส่งบ้านใหม่ให้เอง



....
..
.



แควก แควก.. เสียงเส้าหลินลงกระบะทรายเตรียมจะขี้อีกแล้วสินะ..
ผมเดินไปหาเส้าหลินพร้อมกับนึกในใจ นี้คงเป็นการเก็บอึครั้งสุดท้ายแล้วใช่ไหม

ต่อไปนี้เส้าหลินก็จะมีที่วิ่งเล่นกว้างขวางขึ้น ได้กินอาหารดีๆ
พอกันทีเดือนกว่าๆที่มาอุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบๆนี้
ส่วนผมก็คงมีเวลาทำอะไรได้มากกว่านี้ ได้ออกไปเที่ยวนานๆ
มีเวลาอยู่กับเพื่อนฝูงมากขึ้น อืม...

เย็นวันนั้นผมเก็บชามข้าวสีเหลืองของเส้าหลินใส่ถุงพลาสติก
เตรียมตะกร้ามีผ้านุ่มๆผืนเล็กๆที่เส้าหลินชอบนอนใส่เอาไว้ให้
อาหารเม็ดยี่ห้อโปรดมัดปากถุงเตรียมส่งมอบให้เจ้าของใหม่...







 

คืนนั้นผมอนุญาติให้เส้าหลินขึ้นมาบนเตียงได้
ผมอุ้มเส้าหลินตัวกระเปี๊ยกมาไว้ที่บนหน้าอก
เสียงหายใจดัง ครื๊ดๆๆๆทุกวันนี้ผมยังจำเสียงนั้นได้ดี
ผมลูบหัวเส้าหลิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลูบ ลูบ คิดซ้ำไปซ้ำมา

จินตนาการนึกภาพว่าเส้าหลินไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่จะสบายจริงๆรึป่าวนะ
แมวตัวอื่นจะมารังแกรึป่าว หมาจะกัดไหม?
เจ้าของใหม่จะมาเก็บอึให้เส้าหลินเหมือนอย่างที่เราคอยเก็บรึป่าว

อยู่ๆน้ำตาของผมก็ไหล......

.
.
.

"ไม่ให้แล้ว..."

เสียงผมสั่นเครือจุกอยู่ในลำคอ
รูมเมทหันมามองด้วยความสงสัย

.
.
.

"ไม่ให้แล้ว ไม่ให้เส้าหลินไปไหนแล้ว!"

.
.
.

คืนนั้นเราสามชีวิต นอนกอดกันในห้องเล็กๆ
มันช่างมีความสุขกว่าทุกคืนที่ผ่านมาเสียเหลือเกิน

...
..
.

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ผมตระหนักว่าช่วงเวลาเริ่มต้นแบบนั้น
มันช่างเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก
มันทั้งทดสอบความอดทน ความรับผิดชอบต่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆชีวิตนึง

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผ่านตรงนั้นมาได้แล้ว
ต่อให้เส้าหลินจะดื้อ จะซน หรือจะเหยียบขี้อีกสักเป็นร้อยครั้ง
ผมก็ไม่เบื่อและเหนื่อยอีกต่อไปแล้วล่ะ

และถ้าถามว่าทำไม ?

ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน...


แควก แควก...

ขอตัวไปเก็บอึก่อนนะครับ...



จบ Season แรก











วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บันทึกของตากล้อง #2 : กอลั่มวุ่นวายกับนายตากล้อง

ตลอดระยะเวลาของการเดินทางขากลับบนรถตู้โดยสาร
ผมต้องคอยประคับประคองกล่องกระดาษเจาะรูใบเล็กๆ
ที่ถูกวางไว้บนตัก ฝากล่องถูกเปิดอยู่
ผมก้มลงไปมองเห็นกอลั่มกำลังหลับสบายเชียว
ก็รู้สึกดีใจที่กอลั่มไม่งอแง จึงปิดฝากล่องลง...

พอปิดปุ๊ป ก็มีเสียงตะกุยตะกาย ดังขึ้นมาทันที แคว๊กๆๆๆ
ผมตกใจเปิดฝากล่องขึ้นดู เห็นกอลั่มนอนจ้องตาผมแป๋วแว๋ว
แล้วก็ค่อยๆหรี่ตา หรี่ตา หรี่ หรี่...แล้วก็หลับ
ผมจึงค่อยๆปิดฝากล่องลงอีกครั้ง....แคว๊กๆๆๆๆ
เสียงตะกุยดังขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ ผมรีบเปิดฝากล่อง
เหมือนเดิมทุกอย่าง กอลั่มทำตาแป๋วแว๋ว จ้องมาที่ผม
แล้วก็หรี่ตา หรี่ตา หรี่ แล้วก็หลับ...(อ่าว? กวนตรีนนี้หว่า)
ตอนนั้นผมก็เลยต้องเปิดฝากล่องก้มหน้าดูกอลั่มหลับไปตลอดทาง

สิ่งหนึ่งที่ผมกังวลใจอีกเรื่องเมื่อกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์
คือการใช้ชีวิตของผมหลังจากนี้ มันจะไม่เป็นปกติอีกต่อไป
ผมกลัวกอลั่ม จะอึจะฉี่เรี่ยราด นอนไม่เป็นเวลา
ผลัดตกระเบียง สารพันปัญหาแล้วที่สำคัญ อีกเรื่องนึง
ตกกลางคืนเวลาผมหลับ ถ้าเกิดกอลั่มกระโดดขึ้นมาบนเตียง
แล้วผมเผลอไปกลิ้งทับขี้แตกนี้จะทำไงดีล่ะเนี่ย
ตัวก็เล็กกระจิดริด โถวว กอลั่มไม่น่าเลย T T...

แต่ถึงกระนั้นผมจึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์ตามแบบฉบับภูมิปัญญาชาวบ้าน
อยากให้ผู้อ่านทุกท่านนึกภาพตามไปพร้อมๆกัน
ผมออกไปซื้อแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมาสิบแผ่น
มาถึงผมก็จับเรียงใส่ขอบเตียงทีล่ะอัน ทีล่ะอัน จนครบรอบที่นอน
นี้นะ ถ้าใครมาเห็นสภาพการเป็นอยู่ของผมในตอนนั้น
ก็ต้องคิดว่าผมกำลังซ้อมรับมือน้ำท่วมอยู่แน่นอน
แถมสีสันฟิวเจอร์บอร์ดแต่ล่ะอันนี้ อื้อหือ คัลเลอร์ฟูลสุดๆ
แต่เพื่อปกป้องกอลั่มไม่ให้โดนผมกลิ้งทับขี้แตก
ผมก็คงต้องสร้างบังเกอร์ส่วนตัวไว้ป้องกันแบบนี้แหละ





สองวันแรกทุกอย่างราบรื่น กอลั่มเลี้ยงง่ายกว่าที่คิด
ปกติแล้วเท่าที่ผมเคยเห็นลูกแมวมา
เค้ามักจะร้องโวยวายเมื่อตอนได้ไปอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย
แต่แปลกมาก กอลั่มไม่ร้องโวยวายให้เห็นแต่อย่างใด
นอกจากจะเป็นแมวผอมกะหร่องที่ขาดสารอาหารแล้ว
กอลั่มยังพิการ เป็นแมวใบ้อีกรึนี้? โถววว กอลั่มมมม

เช้าวันที่สามผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น
ผมถอดบังเกอร์ออกชิ้นนึง เพื่อลุกไปเข้าห้องน้ำ
ระหว่างนั้นสายตาก็สอดส่องหา กอลั่มไปด้วย
ไม่เห็น ... ผมทำธุระเสร็จกลับเข้ามาอีกรอบ
ทีนี้เริ่มก้มดู ตามซอกตามหลืบในที่ต่างๆก็ ไม่เจอแต่อย่างใด...

กอลั่มหาย!!!!?

เป็นไปได้อย่างไรประตูหน้าต่างก็ปิดมิดชิด
ระหว่างนั้นหางตาผมเหมือนเห็นอะไรดุ๊กดิ๊กๆอยู่ใต้ผ้าห่ม
ผมรีบเปิดออกดู เห็นกอลั่มกำลังกัดแทะเล่นเชือกหมอนข้างอย่างสนุกสนาน

ใช่แล้ว บังเกอร์แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดของผม ไม่สามารถต้านทานกอลั่มได้...

นี้มันสูงเกือบตั้ง1เมตร กอลั่มมันกระโดดขึ้นมาได้อย่างไรห๊ะะะะะะะ!!!???
ผมยืนงุนงง คิดวิเคราะห์ ความสามรถพิเศษของกอลั่มอยู่เป็นเวลานานพอสมควร
รั้วรอดขอบชิดขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะมุดเข้ามาได้
รึจะเป็นตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำเมื่อตะกี้?

ไม่น่าจะใช่เราก็เปิดแล้วก็เอามาปิดไว้เหมือนเดิมนิหว่า
หรือว่ากอลั่มมันจะฝึกวิทยายุทธวิชาตัวเบา มาจากวัดเส้าหลิน?
กระโดดลอยตัวข้ามแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดความสูงเกือบ1เมตร

ตีลังกาซัมเมอร์ซอลต์ จำนวนแปดตลบ ไปสู่ที่นอนเบื้องบนอย่างสวยงาม
แล้วก็กัดแทะเชือกหมอนข้างอย่างเมามันส์ ดั่งภาพที่เห็นอยู่ในตอนนี้

....ต้องใช่แน่ๆ ...

งั้นไม่เรียกกอลั่มแระ


เรียกว่า"เส้าหลิน"ล่ะกันเนาะ



To Be Continued...



-ให้ป๋มขึ้นไปนอนด้วยเถอะะะะะะ


















-ผมไม่โดนทับหรอก สัญญาเด๋วผมหลบเอา


















-งั้นนอนที่เดิมก็ด้ายยยย

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

บันทึกของตากล้อง #1 : ผมไม่ชอบแมว

สวัสดีครับผมตากล้องเองครับ
หน้าที่หลักของผมทุกวันนี้คืออัพโหลดรูปแมวตัวนึงลงอินสตาแกรมและคอยอัพเดตความเคลื่อนไหวต่างๆผ่านทางเพจเฟสบุค ก็ทำมาสักพักใหญ่ๆแล้วล่ะครับจากงานอดิเรกที่ทำเฉพาะตอนว่างๆ ทุกวันนี้เลยกลายเป็นงานหลักงานนึงที่ชีวิตขาดไม่ได้ไปซะแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังไม่เคยแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของเพจเฟสบุค"เค้าเรียกผมว่าแมว"
ตัวจริงอย่างเป็นทางการสักทีเลย และสำหรับในตอนนี้ถ้าทุกท่านพอมีเวลา
และอยากทำความรู้จักกับผู้ที่ได้รับฉายานามว่า "เจ้าชายเม็ดลำไย" (◕‿◕)
โปรดติดตามเรื่องราวต่อจากนี้ เป็นเรื่องราวของแมวธรรมดาๆตัวนึง
ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตที่แสนธรรมดาของผม
ให้มีความหมายไปตลอดกาล...




ย้อนกลับไปเมื่อประมาณหกปีกว่าๆก่อนหน้านู้นนน ส่วนตัวผมไม่เคยเลี้ยงสัตว์แบบจริงจังมาก่อน โดยเฉพาะกับแมวนี้ผมค่อนข้างที่จะกลัวเอามากๆ ในความคิดของผมตอนนั้น แมวเนี่ยน่าจะเป็นสัตว์ที่ลึกลับ มีความคิดสลับซับซ้อน เหมือนเค้าจะล่วงรู้ความคิดเราได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่จ้องตากับแมว นับว่าเป็นช่วงเดดแอร์ที่ผมกดดันมากที่สุด...





 

จนกระทั่งวันนึง วันที่เพื่อนผมมันมาเที่ยวหา เพื่อนคนนี้เป็นคนที่รักแมวมากและแน่นอนวันนั้นมันพกลูกแมวตัวใหม่มาอวดผมด้วย(นี้แมวหรือยาดมกันล่ะเนี่ย -..-)  สำหรับผมเฉยๆมาก
แต่ก็ยอมรับนะว่าน่ารักดี อาจจะเพราะด้วยความที่เป็นลูกแมวไง ตัวเล็กๆ หัวโต ทำตาบ๋องแบ๋วใส่สำหรับผมก็เฉยๆไม่ได้ถึงกับพิศวาสอะไรมากมายนัก แต่รูมเมทของผมนี้สิ กระดี๊กระด๊ามากกก (ตอนนั้นอาศัยอยู่กับรูมเมทฮะ มีรูมเมทเป็นของตัวเอง) เค้าร้องลั่นห้อง"จะเอามั้ง จะเลี้ยงแมว ต่อจากนี้เป็นต้นไปห้องเราจะมีแมววววว!!" ผมนึกในใจ นั้นไงว่าแล้วเชียว...

สิ้นเสียงปิดประตูของเพื่อนผม มันกลับไปแล้วพร้อมกับลูกแมวของมัน...

แต่ดูเหมือนความต้องการและความมุ่งมั่นที่จะเลี้ยงแมวของรูมเมทผม
ยังไม่จากไปพร้อมกับเพื่อนเลย...

ภาระกิจที่ผมได้รับมอบหมายใกล้จะถึงกำหนดเดดไลน์แล้ว ปฏิบัติการค้นหาลูกแมว
ของผมช่างมีเวลาน้อยนิดไม่สอดรับกับความต้องการของใครบางคนเอาเสียเลย เริ่มจากการออกไปตามหาลูกแมวในวัดบริเวณใกล้ๆแถวนั้นก่อน จากนั้นก็ตามหลืบ ตามตรอกซอกซอยในที่ต่างๆ ณ ช่วงเวลานั้นก็ยังไม่ค้นพบลูกแมวให้เห็นแต่อย่างใด


ผมจึงกลับมาห้องด้วยความรู้สึกที่เฟ้งฟ้างและหว่าเว้ ในตอนนั้นผมต้องการที่จะต่อรองเวลาและขอเจรจาหาวิธีในการให้ได้มาซึ่งลูกแมวกับรูมเมทอีกครั้ง  แต่ทันใดนั้นเอง ผมเกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าโลกเราในยุคนี้มันคือยุคดิจิตอลนี้หว่า! ผมจึงเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์และเสิร์ช อินเตอร์เน็ตหาลูกแมวในทันใด

ในตอนนั้นผมเองยอมรับว่าไม่สนับสนุนความคิดที่จะซื้อแมวมาเลี้ยงเด็ดขาด ต่อให้น่า
รักขนาดไหนก็ตามเหอะ เสิร์ชไปเสิร์ชมากลับกลายเป็นว่า ผมได้ทำความรู้จักกับแมวพันธุ์ต่างๆไปด้วย

..อ่อ เปอร์เซียมันหน้าตาแบบนี้นี่เอง
..อ่าว ทำไมพันธุ์นี้ถึงไม่มีหูกันล่ะ? 

..เฮ่ย ลายแบบนี้มันแมวหรือเสือกันแน่ฟร๊ะ!?

แต่คุณพระ แมวแต่ล่ะตัวนี้ราคาหลักพันถึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว ผมจึงหันไปกระซิบ
กับรูมเมทว่า

"เราไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน เอาแมวปกติธรรมดาไหม นี่ๆแล้วเค้าก็ได้ยินมานะว่า แมวไทยๆนี้แข็งแรงเลี้ยงง่ายด้วยนะ ฟรีอีกด้วย แถมเสียก็ซ่อมได้อีกต่างหาก (อันนี้มั่ว)"

ก็เสิร์ชหาลูกแมวอยู่แบบนั้นหลายวันอ่ะครับ ยืดเวลาไปเรื่อยๆ...

เผื่อรูมเมทคิดอยากจะเปลี่ยนใจไม่อยากเลี้ยงแล้วอะไรแบบนี้(แต่ป่าวเล๊ย!!!) จนกระทั้งผมไปค้นพบกระทู้นึงเค้าโพสไว้ว่าต้องการหาบ้านให้ลูกแมวจ้า อะไรทำนองนี้ ผมก็คลิกเข้าไปดู เห็นลูกแมวน้อยประกาศหาบ้าน 3ตัว คือที่บ้านเค้าเลี้ยงแมวหลายตัว เลี้ยงแบบค่อนข้างปล่อยอิสระ แล้วมีแมวเปอร์เซียตัวนึงของเค้าเองนั้นแหละ ได้ไปท้องกับแมวจรจัดแถวระแวกนั้นซึ่งเค้าก็คงเลี้ยงไม่ไหว จึงมาประกาศตามหาบ้านให้แมว

ตัวแรก สีส้ม น่ารักเชียว (เริ่มมองแมวน่ารักขึ้นมานิด)
ตัวที่สอง สีเทาขาว น่ารักกว่าตัวแรกอีก (แต่เค้าบอกว่ามีคนจองไปแล้ว)
ตัวสุดท้ายตัวที่สาม สีขาว-ดำ ลายวัว ขี้เหล่สุดๆ ผอมเหมือนแมวเป็นโรค





ผมหยิบโทรศัพท์ ต่อสายไปทันทีเพื่อที่จะขอรับอุปการะแมวตัวแรกสีส้ม เค้าตอบตกลง พรุ่งนี้ให้มารับลูกแมวไปได้เลย

พอวันรุ่งขึ้นผมก็เดินทางไปเอาแมว พอไปถึงที่หมาย ผมมองหาแมวสีส้มของผมทันทีแต่ผมหาไม่เจอ ก็เลยหันไปถามพี่เจ้าของบ้าน แต่พี่เจ้าของบ้านบอกว่ามีคนมาเอาไปแล้วเมื่อคืน

(อ้าวพี่...ไหงงั้น) ผมกวาดสายตาดูรอบๆใหม่ ในบริเวณบ้านมีแมวใหญ่นอนอยู่ 2-3ตัว
มีตัวนึงเป็นเปอร์เซียตัวสีส้มขนยาวเฟื้อย (คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเจ้า3ตัวที่โพสไว้)

แต่แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ลูกแมวตัวนึง มันผอมกะหร่องตัวแคระแกร็น
มีตุ่มขึ้นตามตัวคิดว่าน่าจะถูกยุงหรือมดกัด มีขนขึ้นเป็นหย่อมๆและมีลายวัวขาว-ดำ
(ใครเคยดูหนังเรื่องเดอะลอร์ดอ๊อฟเดอะริงส์ ให้นึกถึงตัวกอลั่มเอานะครับ)
กำลังเล่นขี้ดินอยู่ใต้เสาบ้านแน่นอนตัวนี้คือตัวสุดท้ายที่อยู่ในกระทู้ที่ผมค้นเจอเมื่อคืน
เจ้าของบ้านบอกว่า...

"ตัวสุดท้ายแล้ว ยังไม่มีใครเอาไปเลย สงสารมัน"

ผมจึงเดินไปมองหน้ามัน มันก็แหงนหน้ามองผม แล้วก็ร้อง เงี๊ยววว วินาทีนั้นผมจึงตัดสินใจหันไปบอกกับเจ้าของบ้านทันทีว่า "งั้นผมขอเอาไปเลี้ยงเองครับ" ... 


To Be Continued...




โฉมหน้ากอลั่ม...

V
V
V





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.






วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

บันทึกของเส้าหลิน #1 : Box




พื้นที่สี่เหลี่ยม แคบๆ มืดๆ ขนาดไม่ใหญ่
แต่ทำไม...ผมถึงหลงไหลมันได้ถึงเพียงนี้หนอ?
.
.
.

ก็นั้นน่ะสิ!?
.
.
.
ผมเคยมานั่งวิเคราะห์ถึงรสนิยมตัวเองดูเหมือนกันนะ
โดยส่วนตัวแล้วผมอ่ะ ชอบที่แคบๆ มืดๆ ขนาดพอดีตัว
นี้ถ้าห้องของผมสามารถขุดรูได้ ผมขุดมุดลงไปอยู่นานแล้วล่ะฮะ
จะได้ไม่ต้องไปแอบอยู่ตามซอกตู้เย็น ลิ้นชักตู้เสื้อผ้าหรือกล่องเปล่าข้างเตียง


บางทีการอยู่ในนั้นใช่ว่าผมจะเข้าไปหลับอย่างเดียวซะเมื่อไหร่
มันสงบเงียบ สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมจะได้ใช้สมาธิในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะและวางแผนล่วงหน้าว่า...



"วันนี้เราต้องกินข้าวกี่มื้อถึงจะอิ่ม?"



ที่สำคัญธรรมชาติของผม มันบอกว่าที่ลักษณะแบบนี้แหละ ปลอดภัยดีแล้ว
(ทั้งๆที่จริงไม่ได้มีศัตรูอะไรกับเค้าเล๊ย)

แต่ผมก็ชอบอยู่แบบนี้อ่ะ ใครจะทำไมหึ๊!? 

ดั่งสุภาษิตที่กล่าวเอาไว้ว่า...
.
.
.
"คับที่ก็อยู่ได้ คับใจก็ทนอยู่" (มีของกินเก๊าอยู่ได้หมดแหละ 。◕‿◕。)
.
.
.

^
^
^


ปล.เพิ่งหัดเขียนบล็อกฮะ ว่างๆถ้าคิดถึงกัน ก็แวะเข้ามาหาผมในนี้บ้างนะคร๊าบบบ
ปล.2.รูปประกอบด้านบน ห้ามกดคลิ๊ก พี่ดั๊คกี้(เป็ด)ของเก๊านะฮะ หวง!!!